เมื่อลูกมีไข้
หน้า 1 จาก 1
เมื่อลูกมีไข้
อาการไข้ในเด็ก |
อาการไข้โดยมากมักจะบ่งถึงความเจ็บป่วยหรือการติดเชื้อในร่างกาย เป็นกระบวนการต่อสู้ ธรรมชาติ เกิดการหลั่งสารก่อไข้ (PRYOGENS) ขึ้น อุณหภูมิของร่างกายจึง สูงกว่าปกติ ไข้จึงเป็นเพียงปลายเหตุเท่านั้น เมื่อต้นเหตุคือความเจ็บป่วย หรือการติดเชื้อนั้นทุเลาลง อาการไข้ก็ จะลดลง และหายไปในที่สุด เมื่อไรถึงจะเรียกว่ามีไข้ ? ไข้ คือ การที่อุณหภูมิของร่างกายสูงกว่าปกติ ในแต่ละช่วงของวัน อุณหภูมิของคนเราไม่คงที่ ตลอด โดยในตอนเย็นอุณหภูมิจะสูงกว่าตอนเช้าเล็กน้อย การวัดอุณหภูมิจะสูงกว่าตอนเช้าเล็ก น้อย การวัดอุณหภูมิที่ถือว่าอยู่ในระดับที่มีไข้นั้น เมื่อวัดในตำแหน่งต่างๆ จะได้ดังนี้ -อุณหภูมิเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส ( 100.4 F ) เมื่อวัดทางทวารหนัก - อุณหภูมิเกินกว่า 37 .8 องศาเซลเซียส ( 100 F ) เมื่อวัดทางปากหรือในหู - อุณหภูมิ เกินกว่า 37.2 องศาเซลเซียส ( 99 F ) เมื่อวัดทางรักแร้ เครื่องมือที่ใช้วัดอุณหภูมิอาจใช้แท่งปรอทวัดไข้ ที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือเครื่องมือวัดแบบก็ได้ การ ใช้แผ่นวัดโดยการทาบที่หน้าผาก หรือการใช้ความรู้สึกจากมือสัมผัส อาจจะบอกได้เมื่อมีไข้สูง เท่านั้น แต่ในกรณีที่มีไข้เล็กน้อยจะคลาดเคลื่อนได้ ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีไข้ 1. อย่าใส่เสื้อผ้าที่หนา ไม่ควรห่อหรือห่มผ้ามาก เพราะความร้อนจะไม่สามารถระบายออกได้ และไข้จะยิ่งสูงขึ้นอีก 2. ดื่มน้ำมากๆ เพราะเมื่อมีไข้ ร่างกายจะขาดนำมากกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่จะ กระตุ้นการขับปัสสาวะ เช่น เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ได้แก่ กาแฟ น้ำอัดลมบางชนิด 3. เมื่อเด็กมีไข้ จะรู้สึกเบื่ออาหาร การบังคับให้ทานมากขึ้นมักไม่ค่อยได้ผล เด็กจะรู้สึกอยาก อาหาร ทานได้มากขึ้นเอง เมื่อความเจ็บป่วยทุเลาลง และร่างกายรู้สึกดีขึ้น 4. พักผ่อนนอนหลับเพียงพอ 5. ควรเช็ดด้วยน้ำอุ่น อย่าใช้น้ำเย็นๆเช็ด เพราะจะทำให้เด็กหนาวสั่นได้ ควรเช็ดตัวโดยเน้น บริเวณที่เป็นข้อพับต่างๆ เช่น ซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ไข้ลดลงได้เร็วขึ้น ควรพบแพทย์เมื่อใด ? โดยทั่วไปเมื่อเด็กไม่สบาย มีไข้เล็กน้อย หรือมีความเจ็บป่วยไม่มาก ไข้นั้นก็อาจจะหายไปได้ ในเวลาไม่กี่วัน แต่ถ้าสิ่งต่างๆเหล่านี้ร่วมด้วย ควรนำเด็กไปพบแพทย์ทันที 1. เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 3 เดือน 2. ไม่ยอมทานนม น้ำ หรือเบื่ออาหารมาก จนร่างกายอ่อนเพลีย 3. มีอาการเกร็งชักร่วมด้วย 4. มีอาการอาเจียน หรือท้องเสียหลายครั้ง 5. ร้องกวนงอแง หรือนอนซึมผิดปกติ เช่น หายใจหอบเหนื่อย หายใจมีเสียงดัง 6. มีอาการไอ หายใจผิดปกติ หรือมีอาการเพ้อ 7. มีอาการหนาวสั่นร่วมกับมีไข้ 8. อาการไม่หายภายใน 3 วัน หรือ ไข้ลดลงแล้ว แต่เด็กยังดูไม่สบายอยู่ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากสิ่งต่างๆ ดังกล่าว ถ้าหากไม่แน่นใจก็ควรนำเด็กไปพบ แพทย์ ไม่ควรให้ทานยาลดไข้เองอย่างพร่ำเพรื่อ ข้อมูลโดย: โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จากคอลัมน์มุมโรงหมอ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ back |
Re: เมื่อลูกมีไข้
sonmom พิมพ์ว่า:jantima 'n jinda พิมพ์ว่า:
Tylenon กับ Nurofen นี่ไม่ต้องให้ห่างกันสี่ถึงหกชั่วโมงเหมือนยาลดไข้ทั่วไปเหรอ เห็นโหน่งให้ติดๆ กันอ่ะ
มีความเข้าใจอยู่ 2 แบบอะมด หมอแต่ละคนพูดไม่เหมือนกัน
แบบที่ 1 : Tylenon กินทุก 4-6 ชม แต่หลังกินยา+เช็ดตัว ภายใน 1 ชม ถ้าไข้ยังไม่ลง หรือ ไข้สูงกว่า 38.5 ให้กิน Nurofen ซึ่ง Nurofen กินทุก 6-8 ชม หลังกิน Nurofen ไปแล้ว 6 ชม ถ้าไข้ลงเป็นปรกติ หรือมีไข้ต่ำกว่า 38.5 ก็ให้กิน Tylenon แล้วก็เหมือนเดิม คือ หลังกินยา+เช็ดตัว ภายใน 1 ชม ถ้าไข้ยังไม่ลง หรือ ไข้สูงกว่า 38.5 ให้กิน Nurofen แต่ถ้าต่ำลง ก็ใช้ Tylenon ไม่ต้องใช้ Nurofen
สรุปคือ กินอย่างใดอย่างนึง
แบบที่ 2 : Tylenon กินทุก 4-6 ชม แต่หลังกินยา+เช็ดตัว ภายใน 1 ชม ถ้าไข้ยังไม่ลง หรือ ไข้สูงกว่า 38.5 ให้กิน Nurofen ซึ่ง Nurofen กินทุก 6-8 ชม แล้วก็นับรอบไปได้เลย Tylenon ทุก 4 ชม Nurofen ทุก 6 ชม กินคู่กันไปแต่นับคนละรอบ
สรุปคือ กินคู่กันไปได้เลย
แต่ข้อมูลที่ตรงกันแน่ๆคือ Nurofen ใช้เฉพาะเมื่อไข้สูงกว่า 38.5 เพราะยาแรงและมีผลข้างเคียงได้ ข้อดีของมันคือช่วยให้ไข้ลดลงได้เร็วกว่า และ กันชัก
Re: เมื่อลูกมีไข้
http://mccormick.in.th/health%20tip_baby_hot.htm
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อมีไข้ไม่สูงมาก | ||
1. คลายรัดชุดที่ลูกสวมใส่ให้หลวม ควรให้ลูกใส่เสื้อพวกผ้าฝ้ายเนื้อเบา น้ำหนักเบา ห่มผ้าที่ไม่หนาเกินไป พยายามอย่า ตัว เพราะจะทำให้ไข้สูงขึ้นโดยใช่เหตุ | ||
2. ปรับอุณหภูมิในห้องที่เด็กอยู่ให้เย็นขึ้น อย่างน้อยควรมีพัดลม เพื่อพัดให้อากาศถ่ายเทสะดวก และไม่ร้อนเกินไป ระวัง ใบพัดให้ห่างจากมือเด็ก | ||
3. ให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะหากเด็กอาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย ควรเพิ่มปริมาณอาหาร หรือเครื่องดื่มตามปกติ เช่น นมแม่ นมสูตร หรือน้ำ และหากเด็กโตพอจะดื่มเครื่องดื่มอื่น ๆ ลองให้เขาดื่มน้ำหวาน ซุปใส หรือน้ำผลไม้เจือจางดูบ้าง | ||
4. ให้ยา Acetaminophen หรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการให้ยา ibuprofen และทำตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลาก ยาอย่างเคร่งครัด อย่าให้ทารกหรือเด็กรับประทานแอสไพริน เพราะแอสไพรินนั้นสัมพันธ์กับการเกิดโรค Reye's syndrome ซึ่งเป็นโรคที่แม้จะเกิดได้ยาก แต่อาจนำมาซึ่งการเจ็บป่วยรุนแรงได้ | ||
5. คลายความร้อนด้วยการเช็ดตัวด้วยฟองน้ำหรือผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่น (อย่าให้ร้อนมาก) ทีละส่วน ปล่อยให้น้ำระเหยแต่ ไม่แห้ง จะทำให้ตัวลูกเย็นลงได้ และเช็ดตัวไปเรื่อย ๆ จนเขารู้สึกสบายตัวขึ้น ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที กว่าที่ ไข้จะลด | ||
6. หากอาการไข้เกิดจากโรคติดต่อ พยายามให้ลูกอยู่ห่างจากเด็กอื่น ๆ และคนสูงอายุ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค | ||
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำเมื่อลูกมีไข้ | ||
1. อย่าฝืนให้ลูกนอนเพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องระวังอย่าให้เขาเล่น หรือใช้แรงมากจนเกินไป | ||
2. อย่าให้เขาอดอาหาร เพราะเด็กเล็กที่กำลังป่วยต้องการพลังงานและน้ำมากกว่าปกติ | ||
3. อย่าวิตกกังวลจนเกินเหตุ |
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|